สั่งซื้อกระเช้าข้าวไรซ์เบอรี่เป็นของขวัญปีใหม่ ข้าวคุณภาพสำหรับคนที่คุณรัก

ปัจจุบันเราสามารถจำหน่ายไปแล้ว 1,500 กิโลกรัม และมีข้าวไรซ์เบอรี่รอผู้สนบสนุนอยู่อีก 600 กิโลกรัม สามารถดูความเคลื่อนไหวบัญชี ซึ่งยังไม่อัพเดทนะครับ ผมจะนำมาทยอยให้ดูเพิ่มเติมครับ มีภารกิจค่อนข้างมาก ตัวบัญชีจะสมบูรณ์ขึ้นในอนาคตครับ และขณะนี้ "ระบบการสั่งซื้อ" สามารถใช้งานได้แล้ว กดที่ลิงก์นี้ครับ......ขอบคุณครับ ปรีดา 086-314-7866 เมื่อ 7 กรกฎาคม 2556

ความเป็นมาและรายละเอียดโครงการ


โครงการจำหน่าย “ข้าวปันสุข” เพื่อตั้งโรงสีข้าวชุมชน พื้นที่จังหวัดชัยนาท”
(ภายใต้การสนับสนุนจากอาจารย์ชัชวาล เวียร์รา)


ความเป็นมาของโครงการ:

จากข้อมูลล่าสุดที่ประเทศไทยมีผลผลิตการปลูกข้าวเฉลี่ยเพียง 454.40 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นอันดับ 6 ของประชาคมอาเซียน หรือน้อยกว่าประเทศเวียดนาม 2 เท่า ในขณะที่ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูก 66.69 ล้านไร่ ซึ่งมากกว่าเวียดนามที่มี 46.38 ล้านไร่* จังหวัดชัยนาทมีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 800,000 ไร่ และมีการปลูกข้าวถึงมากกว่า 600,000 ไร่ คิดเป็น 1% ของพื้นที่เพาะปลูกของประเทศไทย แต่จังหวัดชัยนาทเป็นพื้นที่เขตชลประทานมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกข้าวนอกฤดูกาลได้

แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายจำนำข้าวถึงตันละ 15,000 บาท แต่ปัจจัยของการได้ผลผลิตต่อตันนั้นมีหลายปัจจัย หลังเก็บเกี่ยวยังมีปัจจัยสำคัญคือ การเก็บเกี่ยว การชั่งน้ำหนัก และการตรวจวัดความชื้น ซึ่งส่งผลทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มาก หรือยังมีภาวะหนี้สินอยู่ เนื่องจากหลายปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว รวมถึงปัจจัยด้านต้นทุนที่ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี

ตลอดปี พ.ศ.2555 ในการลงพื้นที่จังหวัดชัยนาท พบว่า เกษตรกรมีความเชื่อดั่งเดิมเรื่องการนิยมใช้สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืช นิยมใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิต และยังไม่มีระเบียบในการวางแผนการเงิน และการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว ไม่มีความสามัคคีในการรวมกลุ่มกันเพื่อบริหารจัดการผลผลิต และบางพื้นที่ผู้นำท้องถิ่นไม่มีความซื่อตรงต่อการบริหารจัดการ การปกครอง ไม่จริงใจ และไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการผลิตข้าว

ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ต้องมีการคัดเลือกเกษตรกรที่มีคุณธรรม มีจิตสำนึกของความเป็นเพื่อนมนุษย์ มีความจริงใจ ที่จะร่วมโครงการเชิงคุณภาพ และควรที่จะช่วยทำการตลาด ค้าปลีกข้าวสารปลอดสารเคมี เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการร่วมโครงการ ส่งผลต่อการรับซื้อในราคาที่สูง ทำให้เกษตรกรมีความกระตือรือร้นในการปลูกข้าวแบบปลอดสารพิษ ไม่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี จึงเป็นที่มาของ โครงการจำหน่าย “ข้าวปันสุข” เพื่อตั้งโรงสีข้าวชุมชน พื้นที่จังหวัดชัยนาท”

*ข้อมูลจากรายการ ASEAN Beyond 2015 ออกอากาศทางช่อง ThaiPBS เมื่อ 3 มกราคม พ.ศ.2556

ความเป็นมาของแบรนด์ “ข้าวปันสุข”:
            พบว่าในระดับของการผลิตในเขตชนบทนั้น มันมีปัญหาเรื่องการตลาด คือผลิตออกมาแล้วไม่สามารถจำหน่ายได้ ส่งผลต่อการเก็บรักษา และต้นทุนสะสมการผลิต แทบจะทุกผลิตภัณฑ์ เราจึงมีแนวความคิดที่จะทำการตลาดให้กับสินค้าของเกษตรกร จึงตั้งชื่อแบรนด์หลักว่า “ปันสุข” หวังเพียงให้เกษตรกรมีความสุข จากการที่เราได้ทำการตลาดให้ด้วยความสามารถที่จะทำได้
การผลิตดังกล่าวของเกษตรกร ไม่เว้นแม้แต่การปลูกข้าว ที่ประเทศไทยมีไซโลและโกดังที่เก็บข้าวได้เพียง 6 ล้านตัน แต่ใน 1 ปี สามารถผลิตข้าวได้ถึง 30 ล้านตัน เป็นตัวอย่างของที่มาของการทำการเกษตรนั้นก็ต้องมีการวางแผนการจำหน่ายที่เหมาะสมด้วย จึงได้ตั้งชื่อแบรนด์รองว่า “ข้าวปันสุข” เพื่อช่วยเกษตรกรจำหน่ายด้วยวิธีการทางการตลาดต่างๆ

หลักการและเหตุผลของโครงการ:

            ในระดับของชุมชนนั้น หากมีศูนย์กลางของการสีข้าว โดยคนในชุมชน ย่อมทำให้เกิดข้อดีหลายประการ เกิดความสามัคคีในชุมชน สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากจุดเก็บเกี่ยว สามารถควบคุมข้อกำหนดการสีข้าวได้ ไม่มีการใช้สารเคมีในการผลิตข้าว โดยอาศัยหลักการ 50: 50 คือ ส่งผู้ค้าคนกลาง 50% และชุมชนสีข้าวเอง 50% คล้ายกับการบริหารจัดการประเทศ ที่ไม่ควรพึ่งพิงการส่งออก ในสัดส่วนที่มากกว่าการบริโภคภายในประเทศ เปรียบเทียบเช่นเดียวกัน ในส่วนครึ่งหนึ่ง หากเกษตรกรสีข้าวกินเอง ไม่ต้องซื้อ แล้วยังสีข้าวใส่แพ็คเกจแบบสุญญากาศเพื่อจำหน่ายเอง ทำให้ได้เงินสดมาหมุนเวียนในครัวเรือน อีกครึ่งหนึ่งส่งให้ผู้ค้าข้าวคนกลาง ซึ่งยังไม่ได้เงินสด ต้องรอตั้งเบิกตามโครงการรับจำนำข้าว ก็จะทำให้เกษตรกรเริ่มที่จะมีชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น จนสามารถปลดหนี้สินได้

            หน้าที่ของผู้บริหารโครงการ จึงเป็นการทำการตลาด ให้มีการสั่งซื้อข้าวล่วงหน้า ทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการผลิตข้าว และโครงการนี้ยังใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” ซึ่งมีคุณภาพแร่ธาตุสารอาหารในเมล็ดข้าวสูง ** (เอกสารแนบท้าย) จึงทำให้มีราคาขายปลีกที่สูงในระหว่าง 100-140 บาท ส่งผลต่อการรับซื้อข้าวเปลือกกับเกษตรกร ที่ทางผู้บริหารโครงการฯ อาจจะรับรับซื้อได้สูงกว่าราคากลางที่รัฐบาลกำหนด ทั้งนี้เกษตรกรที่ร่วมโครงการต้องไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ในระหว่างการผลิตอีกด้วย

            โครงกรนี้จะบริหารงานผ่าน “หสม.เพื่อนชัยนาท” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำภารกิจทำให้คุณภาพชีวิตของชาวชัยนาทดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ด้วยวิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสมกับสภาพการณ์ ผลิตภัณฑ์ และการตลาด

วัตถุประสงค์โครงการ:

  1.  เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้านการทำการตลาดจำหน่ายข้าวปลีก
  2.  เพื่อให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการปลูกข้าวปลอดสารพิษ
  3.  เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
  4. เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการด้านการเพิ่มผลผลิต

ขั้นตอนการดำเนินโครงการ:

1.   ประชาสัมพันธ์โครงการฯ เพื่อให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ
2.     ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ
3.     ทำการตลาดบนอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก มีเว็บไซต์โครงการ และทางสื่อประชาสัมพันธ์อื่นๆ เป็นรอง
4.     ผู้ซื้อสินค้าดูวันรับมอบสินค้า และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า ชำระเงินตามช่องทาง และสั่งพิมพ์คูปอง
5.     ฝ่ายบริหารโครงการนำสินค้าไปวางตามจุดรับสินค้า
6.     ผู้ซื้อสินค้า สามารถไปรับสินค้าได้ตามจุดรับสินค้าที่เลือกไว้ ในระบบการสั่งซื้อ
7.     ฝ่ายบริหารโครงการนำผลกำไร ไปจัดซื้อเครื่องสีข้าว และตั้งที่โรงสีข้าวชุมชน
8.     คณะทำงานวางแผนการใช้เครื่องสีข้าว เพื่อให้เกษตรกรมีความคุ้มค่า และมีรายได้ดีขึ้น
9.     หลังติดตั้งเครื่องสีข้าว รับสีข้าวและรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร แต่ให้ความสำคัญกับสมาชิกที่ร่วมโครงการก่อนเนื่องจากมีการสั่งซื้อล่วงหน้า
10.  มีการจัดฝึกอบรมการปลูกข้าวด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ให้กับสมาชิกที่ร่วมโครงการ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น